“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกมาเอาชนะ “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ ไปแบบสุดมันส์ หลังจากที่เสมอกัน 1-1 ในการแข่งขันทั้ง 120 นาทีจนต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ และเป็น เรือใบสีฟ้า ที่เฉียบคมกว่า เอาชนะไปได้ 4-3 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ ได้สำเร็จ
นาทีที่ 14 ทีมเยือนเกือบได้ประตูขึ้นนำจากความผิดพลาดของแนวรับ เลสเตอร์ ระหว่าง คริสเตียน ฟุคส์ และ เบน เฮเมอร์ ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่น ที่ออกมาสกัดบอลแต่ไปเข้าทางของ อิลคาย กุนโดกัน มีจังหวะได้ยิง แต่ไปติด แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ก่อนที่บอลจะไปเข้าทาง แบร์นาร์โด้ ซิลวา ซัดด้วยซ้ายแต่บอลออกหลังไป
นาทีที่ 26 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ประตูขึ้นนำเป็น 1-0 จากจังหวะที่ อิเฮียนาโช่ เสียบอลจากกลางสนาม และเป็น อิลคาย กุนโดกัน ที่พาบอลฝ่าแนวรับของเจ้าบ้านจนถึงหน้ากรอบเขตโทษและต่อบอลมาให้กับ แบร์นาร์โด้ ซิลวา จิ้มด้วยเท้าซ้ายลอดดาก เบน เฮเมอร์ เข้าประตูไป
นาทีที่ 34 เลสเตอร์ ได้จังหวะบุกขึ้นมาบ้างจากจังหวะที่ เบน ชิลเวลล์ วิ่งเลาะริมเส้นขึ้นมาทางกราบซ้ายก่อนจะเปิดบอลเข้ากลางให้ เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ ดึงจังหวะหนึ่งสองกับ ชินจิ โอกาซากิ และเป็น อิเฮียนาโช่ ที่หาช่องยิงได้แต่ยิงไม่ดีถูก เคลาดิโอ บราโว่ เซฟเอาไว้ได้
จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นำ 1-0
ช่วงครึ่งหลังเจ้าบ้านพยายามบุกอย่างหนักแต่ยังไม่สามารถฝ่าแนวรับของทีมเยือนไปได้ ด้านแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็มีจังหวะให้ได้ลุ้นเป็นประตูเพิ่มเช่นกัน แต่ยังคมไม่พอ ทำประตูเพิ่มไม่ได้จนหมดเวลา 90 นาที ผู้ตัดสินทดเวลาบาดเจ็บเพิ่มอีก 8 นาที
นาทีที่ 90+6 ทีมเยือนต้องมาเสียจุดโทษและกลายเป็นประตูตีเสมอให้กับเจ้าถิ่นในจังหวะที่ เดมาไร เกรย์ โดนทำฟาวล์โดย ไคลน์ วอล์คเกอร์ และเป็น เจมี่ วาร์ดี้ รับหน้าที่สังหารจุดโทษเข้าไปไม่พลาด ช่วยให้ เลสเตอร์ ตีเสมอเป็น 1-1 และกับจบเกมการแข่งขัน ทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที
ช่วงต่อเวลาพิเศษทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ยังเสมอกันอยู่ 1-1 ต้องไปตัดสินโดยการดวลจุดโทษ โดย เจมี่ วาร์ดี้ และ ริยาด มาห์เรซ สองผู้เล่นเลสเตอร์ ยิงไม่เข้าในสองลูกสุดท้าย และเป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เฉียบคมกว่าเอาชนะไปได้ 4-3 ผ่านรอบรองชนะเลิศ ในศึก คาราบาว คัพ ได้สำเร็จ